Thursday, May 27, 2010

ข้าวผัดรถไฟ วิธีทำข้าวผัดรถไฟ สูตรข้าวผัดรถไฟ

 "ข้าวผัดรถไฟ" อร่อยคลาสสิค
โดย : กุ๊กเล็ก
       ในบรรดาเมนูข้าวผัดของบ้านเรานั้น มีอยู่หลากหลายจาน ชนิดที่ว่ากินทั้งเดือนก็ยังไม่ซ้ำกัน อย่างล่าสุดนี้ "กุ๊กเล็ก" เพิ่งได้สูตรข้าวผัดอร่อยๆ มาจากหนังสือ "ข้าวผัดสารพัดรส" จากชุดสารพัดรส ของสำนักพิมพ์แสงแดด ชื่อเมนู "ข้าวผัดรถไฟ" ที่ในอดีตมักทำขายกันในรถไฟ และมีจุดเด่นที่เวลาผัดจะใส่น้ำซอสมะเขือเทศสีแดง หรือซอสเย็นตาโฟและกินคู่กับไข่ดาว
 
       ส่วนผสมมีดังนี้
       น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
       กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
       เนื้อหมูส่วนสะโพกหั่นชิ้นบาง 100 กรัม
       หอมใหญ่หั่นเสี้ยว 1/2 หัว
       ไข่ไก่ 1 ฟอง
       ข้าวสวย 2 ถ้วย
       ซอสมะเขือเทศผสมซอสเย็นตาโฟ อัตราส่วน 1:1 ในประมาณ 1/4 ถ้วย
       เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
       ผักชีซอย 1 ต้น
       แตงกวาหั่นชิ้น 1 ลูก
       ไข่ดาวทอดสุกปานกลาง 1 ฟอง
       มะนาวหั่น 1 ลูก
       ใบผักชีและผักสลัดสำหรับตกแต่ง
       

       วิธีทำเริ่มจากตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวพอเหลือง ใส่เนื้อหมูผัดให้สุก ใส่หอมใหญ่ ใส่ไข่ พอไข่ใกล้สุก ใส่ข้าวสวย ซอสมะเขือเทศผสมซอสเย็นตาโฟ ปรุงรสด้วยเกลือ ผัดคั่วนานๆให้เครื่องปรุงเข้ากับเมล็ดข้าวจนทั่วและมีกลิ่นหอม จากนั้นปิดไฟตักใส่จาน วางแตงกวาและไข่ดาวข้างๆ ตกแต่งด้วยผักชีและผักสลัด เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยได้เลย

Good Comments:
ขอแนะนำว่าซอสที่ใช้ ควรใช้ยี่ห้อ "ไมก้า Mica" ครับ เพราะสูตรดั้งเดิมจริงๆ ใช้ยี่ห้อนี้เลย เนื้อซอสจะข้นมากๆ เพราะเป็นเนื้อมะเขือเทศล้วนๆ ไม่ใช่มะละกอเละๆ เจือจางอย่างบางยี่ห้อ หาซื้อได้ในบิ๊กซีครับ

ส่วนใครอยากลองทานตามสูตรต้นตำหรับจริงๆ แนะนำว่าให้ลองทานที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ที่หัวหินครับ เพราะโรงแรมแห่งนี้เดิมที คือ "โรงแรมรถไฟหัวหิน" ครับ รับรองสูตรแท้ ดั้งเดิม จริงๆ
ครฟ.  


น่าจะเป็น tomato paste หรือ tomato puree แบบกระป๋องๆ นะคะ
เนื้อจะข้นมากๆ

ทำเองก็ได้นะแต่เสียเวลาหน่อย
ช่วงไหนมะเขือเทศถูกๆก็ซื้อซักสองสามโลมาต้ม ลอกเปลือกออก
เอาเนื้อที่ได้มาหั่นเป็นลูกเต๋า ใส่ในหม้อ เติมน้ำนิดเดียว
ใส่เกลือ เคี่ยวจนข้น ใส่ใบออริกาโน่แต่งกลิ่น หรือโหระพาสับซักใบสองใบก็ได้ อย่ามากเพราะกลิ่นจะฉุน พอใกล้จะงวดดี เติมน้ำมันมะกอกสักช้อน หรือน้ำมันคาโนล่า น้ำมันดอกทานตะวันก็ได้ ถ้าไม่มีจริงๆก็น้ำมันถั่วเหลือง แต่ห้ามน้ำมันปาล์มนะจ๊ะ กวนๆให้เข้ากัน

พอเย็นก็ตักใส่โหล เก็บไว้ใช้ได้นาน

คิดถึงมะเขือเทศทรงฟักทอง ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่มีขายเลย
หิวตอนดึก
              ที่มา

Wednesday, May 12, 2010

สูตรใบมะยมต้มใบเตย วิธีทำใบมะยมต้มใบเตย

 สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานน้ำตาลใน เลือดสูง วันนี้มีสูตรใบมะยมต้มใบเตยลดน้ำตาลในเลือดมาฝากกันซึ่งมีสรรพคุณทั้งต้าน เบาหวานและบำรุงตับอ่อน

                  วิธีทำ ใช้ใบมะยมสด และรากเตยสดหรือแห้งก็ได้ ต้มรวมกัน แล้วใช้น้ำมาดื่มกิน ถ้าไม่มีรากเตย ก็ใช้ใบมะยมอย่างเดียว (ใส่มะตูมแห้งแบบเป็นแผ่นเพิ่มได้) เมื่อกินใบมะยมระยะแรก จะกระตุ้นตับอ่อนให้ผลิตน้ำตาลมากกว่าเดิมแต่ไม่เพลียไม่เหนื่อย

                 ต่อไปเมื่อตับอ่อนแข็งแรงแล้ว ตับอ่อนจะทำงานของมันเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาอินซูลินจากภายนอก แล้วตับอ่อนจะคุมน้ำตาลด้วยตัวของมันเองและใบมะยมจะกระตุ้นน้ำตาลให้ขึ้นไป เลี้ยงสมอง ถ้าต้มใบมะยม กินน้ำควรกินให้หมดภายในวันนั้น ก็จะได้โอสถสาร ต้มใบมะยมรวมกับรากใบเตยจะได้รากเตยมาช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้แข็งแรง

                 คนที่เป็นเบาหวานแต่อยากกินของหวาน ก็กินใบมะยมสด ๆ สัก 2-3 ก้าน (ก้านไม่ต้องกิน) ลงไปรองท้องก่อน เคี้ยวไม่ไหวก็ปั่นกินได้แล้วจึงกินของหวาน กากใยของใบมะยมจะช่วยดูดซับน้ำตาล ไม่ให้ดูดซึมเข้ากระแสเลือด และเมื่อกินของหวานแล้วก็กินน้ำสำรองตาม เพื่ออ้มกากใยไว้รอการขับถ่าย (ใบมะยมใช้กินสด ๆ จิ้มน้ำพริกได้, แกงเรียงใส่ใบมะยมได้)

ที่มา: เว็บไซต์teenpath

วิธีปลูกเตย ใบเตย

"ใบเตย" กลิ่นรัญจวน มากคุณค่า

ในบรรดาพืชที่มีกลิ่นหอมเป็น เอกลักษณ์ "108เคล็ดกิน" ยกให้พืชจำพวกหญ้าอย่าง "ใบเตย" อยู่ในอับดันต้น ๆ เลยทีเดียว เรื่องความหอมของใบเตยนี้ เชื่อว่าย่อมเป็นที่ประจักษ์กันเป็นอย่างดี เพราะมีการดัดแปลงนำมาใช้ ทั้งในแวดวงดอกไม้ ตลอดจนเป็นส่วนผสมทางอาหารหลากหลายเมนู

ใบเตยจัดเป็นพืชจำพวกหญ้า แตกเป็นกอใหญ่ มีเหง้าและลำต้นอยู่ใต้ดิน มีก้านและใบที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน ใบออกจากลำต้น เรียงเวียนรอบลำต้นอย่างหนาแน่น ใบสีเขียวรูปเรียวยาวประมาณ 8-10 นิ้ว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ เมื่อขยี้ใบสดจะมีกลิ่นหอมเย็น นิยมคั้นจากใบเพื่อแต่งกลิ่นและสีเขียวสวยงามในขนมต่างๆ


ใบเตยมีน้ำมันหอมระเหยอยู่ในตัว คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณที่มีรสหวาน กลิ่นหอม มีสารคลอโรฟิลล์ช่วยลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ และช่วยทำให้สดชื่น อีกทั้งมีเกลือแร่ แคลเซียม และฟอสฟอรัส รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใช้รักษาเบาหวาน ใบเตยสดยังสามารถนำมาตำพอกรักษาโรคหัด โรคผิวหนัง ได้ชะงักนัก

นอกจากนี้ ถ้าเอาใบเตยหอม สดๆ จำนวน 4 ใบ พร้อมใบสดรางจืด 8 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร จนเดือดและเคี่ยว 15 นาที ดื่มขณะอุ่นครั้งละครึ่งแก้ว เช้า กลางวัน เย็น จะช่วยขับหินปูนตามข้อต่อ ให้ออกได้และทำให้ไม่ปวดข้อ เดินได้สะดวกขึ้น และยังเป็นยาช่วยล้างพิษในร่างกายได้อีกด้วย ต้มดื่มติดต่อกัน 3 วัน เว้น 1 อาทิตย์ต้มดื่มต่อ และสามารถต้มดื่มได้เรื่อยๆ ไม่มีอันตรายอะไร

ที่มา



เตยหอมจะมีลักษณะเกือบจะเหมือนกันกับใบเตยธรรมดา แต่ต่างกันตรงที่ใบเตยหอม จะส่งกลิ่นหอมแม้ยังอยู่กับต้นยังไม่ถูกขยี้ใบ ..ที่บริเวณขอบใบหรือใต้ใบจะมีหนามเล็กๆ ไม่มาก แค่1-2 อันไม่สังเกตแทบมองไม่เห็นแต่ถ้ามือสัมผัสโดนบางครั้งก็เจ็บนะ เป็นหนามสีเดียวกับใบนั่นแหละไม่แข็งมากนักแข็งกว่าใบนิดหน่อย สีของใบจะไม่เขียวเข้ม และใบจะบางเป็นมัน .....
.......ส่วนเตยธรรมดา ต้องขยี้จึงจะได้กลิ่นหอม ยางแยะกว่าเตยหอม ผู้ที่แพ้ง่ายเมื่อโดนยางของเตยอาจจะรู้สึกคันยิบๆได้เหมือนกัน ขอบหรือใต้ใบไม่มีหนาม ใบสีเขียวเข้มและหนากว่าเตยหอม..
ปลูกง่ายทั้งสอง พันธุ์ ชอบทั้งน้ำและแดด ปลูกริมน้ำก็งามดี ดินโคลนก็ปลูกได้ ไม่ต้องการปุ๋ย เวลาจะปลูกใช้โคนต้นที่เป็นก้านแข็งๆนั่นจิ้มดินรดน้ำชุ่มๆก็เป็นแล้ว....เวลา ต้นโตได้ที่นิยมตัดยอดเลย แล้วก็รดน้ำเช่นเคยเค้าจะแตกสี่ทิศได้ยอดใหม่ 4 ยอดไปเลย

Saturday, May 1, 2010

พะแนงไก่ วิธีทำพะแนงไก่

โดย : กุ๊กเล็ก

อาหารที่ "กุ๊กเล็ก" นำมาเสนอวันนี้ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยลิ้มรส และติดใจในรสชาติที่อร่อยลิ้น นั่นก็คือ "พะแนงไก่" อาหารไทยๆ แต่รสชาติไม่เป็นสองรองใคร แม้จะมีกะทิเป็นส่วนประกอบ แต่เมื่อได้กินกับข้าวสวยร้อนๆ ทีไรเป็นต้องลืมคำว่าอ้วนไปทุกที

ส่วนผสม

เนื้อไก่ 3 ขีด
กะทิ 1 ถ้วย
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพา 2 กิ่ง
ใบมะกรูดซอย 3-5 ใบ
พริกแดงซอย 2-3 เม็ด
น้ำมันสำหรับผัด

เครื่องแกง

พริกแห้ง 5 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 10 กลีบ
ข่า 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ช้อนชา
ผิวมะกรูด 1/2 ช้อนชา
รากผักชี 1 ช้อนชา
พริกไทย 5 เม็ด
เกลือ 1 ช้อนชา
กะปิ 1 ช้อนชา

วิธีทำ เริ่มจากหั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นๆ แล้วนำไปรวนในกระทะพอให้ไก่สุก จากนั้นโขลกเครื่องแกงทุกอย่างรวมกันให้ละเอียด (หากใครต้องการข้ามขั้นตอนนี้ก็สามารถไปซื้อเครื่องแกงพะแนงจากตลาดมาเลยก็ ได้) นำเครื่องแกงมาผัดกับน้ำมันโดยใช้ไฟอ่อนๆ ผัดจนหอมดีแล้วก็แล้วเติมกะทิลงไปสัก 1/2 ถ้วย ผัดต่อจนหอมเครื่องแกงและกะทิแตกมัน

จากนั้นใส่เนื้อไก่ลงไปผัดต่อ ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ เรียบร้อยแล้วโรยใบมะกรูดซอยลงไป แล้วเติมกะทิอีก 1/2 ถ้วยที่เหลือลงไปให้หมด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ต่อจนน้ำแกงงวดลงเหลือเพียงน้ำขลุกขลิก ตบท้ายด้วยการโรยพริกแดงซอยและใบโหระพาโรยลงไป แล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้ทันที
ที่มา

ข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อญี่ปุ่น วิธีการทำข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อญี่ปุ่น

โดย : กุ๊กเล็ก


"อาหารญี่ปุ่น" เป็นอาหารต่างชาติที่มีนักกินชาวไทยนิยมชมชอบกินกันไม่น้อยเลย มื้อนี้ "กุ๊กเล็ก"เลยขอเอาใจแฟนคออาหารยุ่นสักหน่อย ด้วยการขอนำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นจานเด็ดที่ชวนกินอย่าง "ข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อญี่ปุ่น" ที่เราไปได้สูตรเด็ดนี้มาจากโรงแรม ใบหยก สกาย ซึ่งเป็นเมนูที่ทำง่าย สามารถทำกินเองที่บ้านได้แบบสบายๆ ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ใยเดินหน้าเข้าครัวปรุงเมนูเด็ดนี้กันดีกว่า

ส่วนผสมมีดังนี้

เนื้อวัว 5 ขีด
หอมหัวใหญ่ 3 ขีด
แครอท 3 ขีด
มันฝรั่ง 3 ขีด
เครื่องแกงกะหรี่ 1 ขีด
ไวน์แดง 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย


สำหรับวิธีการทำนั้นไม่ยุ่งยากอะไรเลย เริ่มจากนำเนื้อวัวกับหอมหัวใหญ่มาผัดกับไวน์แดงให้เข้ากันจนน้ำแห้ง เพื่อความเข้มข้นของรสชาติ แล้วจึงนำไปใส่ลงในหม้อที่ตั้งน้ำต้มเดือดไว้ จากนั้นให้ต้นจนเนื้อวัวนุ่มได้ที่ แล้วจึงใส่แครอทและเครื่องแกงกะหรี่ลงไปพร้อมกับเคี่ยวต่อสักพัก จึงค่อยใส่มันฝรั่งลงไปต้มและต้มจนมันฝรั่งสุกก็เป็นอันว่าใช้ได้ แต่หากว่าน้ำซุปข้นเกินไป ก็สามารถเติมน้ำร้อนลงไปได้ เพียงเท่านี้ก็จะได้แกงกะหรี่เนื้อนำมาราดบนข้าวสวยร้อนๆ เป็น "ข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อญี่ปุ่น" ที่หอมกรุ่น ชวนให้กินอิ่มท้องกันไปอีกหนึ่งมื้อ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

Wednesday, March 17, 2010

วิธีการทำน้ำพริกกระปิ น้ำพริกกระปิ วิธีทำน้ำพริกกระปิ

เครื่องปรุง (ประมาณสำหรับ 4 คน)
1. กะปิเผาไฟพอหอม 2 ช้อนโต๊ะ
2. กระเทียมปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ (ซอยหยาบ)
3. กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4. พริกขี้หนูเด็ดก้าน 1 ช้อนชา
5. มะอึกสุกหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลปี๊บ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ
9. มะเขือพวงหรือ 1 ช้อนโต๊ะ
10. มะเขือเปราะซอย

วิธีทำ
1. โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียดใส่กุ้งแห้งโขลกรวมกัน ใส่พริกขี้หนู มะอึก ระกำ มะเขือพวง ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามต้องการ
2. รับประทานกับผักต้มราดกะทิ เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ตำลึง ผักกระเฉด ฯลฯ หรือผักสดต่าง ๆ เช่น แตงกวา มะเขือสด ผักบุ้ง กระถินหรือผักชุบไข่ทอด เช่น ชะอม มะเขือยาว
3. จัดแนบกับน้ำพริก คือ ปลาทูทอด ปลาช่อนทอด ปลาดุกย่าง

หมายเหตุ ใช้ มะม่วงดิบซอยแทนมะนาว หรือ มะดันซอย หรือมะขามอ่อน ตามแต่ฤดูกาล